Verb to have


Verb to have
ในภาษาอังกฤษ ได้แก่
have, has, had

ซึ่งแยกตามกริยา 3 ช่อง ได้ดังนี้

ช่องที่  ได้แก่   have, has

ช่องที่  ได้แก่   had

ช่องที่ 3  ได้แก่   had

หลักการใช้ Verb to have
ต้องใช้ให้ถูกต้องตามพจน์ หรือประธาน ( Subject)  และกาล (Tense)

Subject
(ประธาน)

Present
(กาลปัจจุบัน)

Past
(อดีต)


I







have













had

You


We


They


Plural


He






has

She


It


Singular

*** Plural หมายถึง พหูพจน์ หรือมากกว่าหนึ่ง เช่น
       Jane and Joe, policemen, pencils, bananas, Thai people, these          
       books, those students เป็นต้น

*** Singular หมายถึง เอกพจน์ หรือ หนึ่ง เช่น
       Jane, my friend, an apple, a cat, your sister, a car, my house,  
       this pen, that man เป็นต้น

หน้าที่ของ Verb to have
1.   เป็นกริยาสำคัญในประโยค  มีความหมายดังต่อไปนี้
      
1.1  แปลว่า มี  ตัวอย่างเช่น

Joe has two sisters. โจมีพี่สาว 2 คน

They have something to do. พวกเขามีบางอย่างที่ต้องทำ

My cat has a long tail. แมวของฉันมีหางยาว

1.2   แปลว่า กิน หรือ รับประทาน (eat)  ตัวอย่างเช่น

I always have bread and jam for my breakfast. ฉันทานขนมปังและแจมเป็นอาหารเช้าประจำ

Linda has dinner at home every day. ลินดาทานอาหารเย็นที่บ้านทุกวัน

Nan had a lot of food last night. แนนทานอาหารเยอะมากเมื่อคืนนี้

1.3 แปลว่า รับ (receive) ตัวอย่างเช่น

 I had news from her yesterday. ผมได้รับข่าวจากหล่อนเมื่อวานนี้

Jane has letters from her parents once a month. เจนได้รับจดหมายจากพ่อแม่ของหล่อนเดือนละครั้ง

2.  เป็นกริยาช่วย ในประโยค Perfect Tense ( Verb to have + V3 ) ซึ่งในประโยคมักมีคำเหล่านี้  “ yet (ยัง),  already(แล้ว),  for (เป็นระยะเวลา), since (ตั้งแต่), ever (เคย),  never (ไม่เคย)

ตัวอย่างเช่น

I have eaten already. ฉันทานอาหารแล้ว

David has gone out already. เดวิดออกไปข้างนอกแล้ว

Linda has not got up yet. ลินดายังไม่ตื่นนอนเลย

I have never been to England. ฉันยังไม่เคยไปอังกฤษเลย

3. Verb to have + to มีความหมายว่า “ ต้อง

ตัวอย่างเช่น

I have to look after my sister everyday. ฉันต้องดูแลน้องสาวทุกวัน

Sam has to work very hard for his family. แซมต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัว

4. ใช้กับประโยค Causative Use of “Have” หมายถึงประโยคที่ใช้ให้ผู้อื่นทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

4.1 เน้นตัวผู้กระทำ

ครงสร้าง

Subject + Verb to have +Someone (ผู้ทำกริยาให้)+Verb 1+Something

ตัวอย่างเช่น

I have Danai wash my car once a week. ฉันให้ดนัยล้างรถให้สัปดาห์ละครั้ง

Linda has her mother drive her to school. ลินดาให้แม่ขับรถไปส่งที่โรงเรียน

4.2 เน้นกรรมหรือสิ่งที่ถูกกระทำ

โครงสร้าง

Subject + Verb to have +Something (สิ่งที่ถูกกระทำ) + Verb 3

ตัวอย่างเช่น

I have my hair cut every month. ฉันตัดผมทุกเดือน

Joe has his eyes tested every year. โจตรวจวัดสายตาทุกๆปี

คำอธิบายหลักการใช้ Verb to have ตามหลักไวยากรณ์

1. have, has (V1)  ใช้กล่าวถึง"ปัจจุบัน"
ตัวอย่างเช่น
     
    Jane has two sisters. เจนมีพี่สาว 2 คน  

    My dogs have long tails . สุนัขของฉันมีหางยาว

    Nan has a big house. แนนมีบ้านหลังใหญ่
      
2.  had  (V2) ใช้กล่าวถึงสิ่งที่เป็น "อดีต" 

ตัวอย่างเช่น

Jane had a party at home last night.  เมื่อคืนเจนมีงานเลี้ยงที่บ้าน

We had much homework last week. สัปดาห์ที่แล้วพวกเรามีการบ้านเยอะมาก

I had dinner with my friends last night. เมื่อคืนฉันทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ

3. had  (V3) มีรูปเหมือน V2 แต่ใช้ต่างกันคือ had ในกรณีที่เป็นกริยาช่องที่ 3 ใช้วางหลัง Verb to have อีกที ในประโยค Perfect Tense ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (ดูหน้าที่ของ Verb to have ข้อที่ 2)

ตัวอย่างเช่น

Nan has had lunch for two hours.

I have had breakfast at home already.
     
***เพิ่มเติม  

ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้ใช้ have เท่านั้น ไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรหรือTense ใดก็ตาม

1. เมื่อตามหลัง to       ตัวอย่างเช่น

 Jane would like to have two children. เจนอยากมีลูกสัก 2 คน

You need to have your hair cut soon. คุณต้องตัดผมในเร็วๆนี้นะ

2. ใช้เมื่อตามหลังกริยาช่วยต่อไปนี้

can, could, will, shall, should, would, may, might, must    
   
ตัวอย่างเช่น

I may have rice and curry for my dinner. ฉันอาจทานข้าวราดแกงเป็นอาหารเย็น

      Verb to have 
ในรูปประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และ ประโยคคำถาม

1. ประโยคบอกเล่า ตัวอย่างเช่น

I have a red bicycle.

An elephant has small eyes.

My house has three bedrooms.

2. ประโยคปฏิเสธ ในกรณีทำเป็นประโยคปฏิเสธ ต้องเอา Verb to do + not มาช่วย และวาง Verb to do + not ไว้หน้า Verb to have ที่นำมาช่วยนี้จะเป็นตัวที่ต้องผันตามประธาน (Subject) และกาล (Tense) ส่วน Verb to have ที่มีรูปในประโยคบอกเล่า have, has หรือ had จะต้องเปลี่ยนมาใช้แค่รูปเดียวคือ have เท่านั้น

โครงสร้าง   

ประธาน (Subject) + Verb to do + not + have ....

ตัวอย่างเช่น

ประโยคบอกเล่า :  They have two children.
ประโยคปฏิเสธ  :   They do not have two children.
         
ประโยคบอกเล่า :  An elephant has small eyes.
ประโยคปฏิเสธ  :  An elephant does not have small eyes.

ประโยคบอกเล่า :  Joe had a big party at home last night.
ประโยคปฏิเสธ  :   Joe did not have a big party at home last night?

3. ประโยคคำถาม  ในกรณีทำเป็นประโยคคำถาม ก็ต้องเอา Verb to do มาช่วย และวางไว้หน้าประโยค ซึ่ง Verb to do ที่นำมาช่วยนี้จะเป็นตัวที่ต้องผันตามประธาน (Subject) และกาล (Tense) ส่วน Verb to have ที่มีรูปในประโยคบอกเล่า have, has หรือ had จะต้องเปลี่ยนมาใช้แค่รูปเดียวคือ have เท่านั้น

โครงสร้าง  

Verb to do +ประธาน (Subject)  + have ....

ตัวอย่างเช่น

ประโยคบอกเล่า :  They have two children.
ประโยคคำถาม   :  Do they have two children?
         
ประโยคบอกเล่า :  An elephant has small eyes.
ประโยคคำถาม  :  Does elephant have small eyes?

ประโยคบอกเล่า  : Joe had a big party at home last night.
ประโยคคำถาม  :  Did Joe have a big party at home last night?








No comments :