Pronoun

 Pronoun

Pronoun (คำสรรพนาม)  คือ คำที่ใช้เรียกแทนชื่อของคน,สัตว์,สิ่งของ,และสถานที่ เพื่อป้องกันมิให้กล่าวชื่อนั้นซ้ำๆซากๆ

ชนิดของ Pronoun

Pronoun   มีอยู่ 8 ชนิดด้วยกันคือ

1.  Personal Pronoun (บุรุษสรรพนาม)
2.    Possessive  Pronoun  (สามีสรรพนาม)
3.    Definite   Pronoun  (นิยมสรรพนาม)
4.    Indefinite  Pronoun  (อนิยมสรรพนาม)
5.    Interrogative  Pronoun   (ปฤจฉาสรรพนาม)
6.    Relative  Pronoun  (ประพันธ์สรรพนาม)
7.    Reflexive  Pronoun  (สรรพนามสะท้อนหรือเน้น)
8.    Distributive Pronoun  (วิภาคสรรพนาม)

1. Personal Pronoun  (บุรุษสรรพนาม)
คือ สรรพนามที่ใช้แทนชื่อของผู้พูดผู้ฟัง,  และผู้ที่ถูกกล่าวถึง  ซึ่งแบ่งได้ 3 บุรุษ คือ

บุรุษที่     1
I, we
บุรุษที่     2
you
บุรุษที่     3
he,  she,  it,  they


รูปที่สัมพันธ์กันของ Personal   Pronoun   มี  5  รูป คือ

รูปที่  1
Subject
(ประธาน)
รูปที่ 2
Object
(กรรม)
รูปที่ 3
Possessive Adjective
(แสดงความเป็นเจ้าของ)
รูปที่  4
Possessive Pronoun
(แสดงความเป็นเจ้าของ)
รูปที่  5
Reflexive Pronoun
(สรรพนามตนเอง)
I
me
my
mine
myself
we
us
our
ours
ourselves
you
you
your
yours
yourself
he
him
his
his
himself
she
her
her
hers
herself
it
it
its
its
itself
they
them
their
theirs
themselves

หน้าที่ของ Personal Pronoun (บุรุษสรรพนามทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ

1. Subject  (ประธาน) ในตารางรูปที่ 1
 ใช้เมื่อทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค ซึ่งหมายถึง “ผู้กระทำกริยา” เช่น


รูปที่  1
Subject
(ประธาน หรือ ผู้กระทำ)


ตัวอย่าง

I

I like watching television.

We

We are leaving for London next week.

You

How do you get to school?

He

He does not have any brothers.

She

Is she good at English?

It

It is my new bicycle.

They

They do not like chocolate.

2.  Object (กรรม) ในตารางรูปที่ 2
  ใช้เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค ซึ่งหมายถึง “ผู้ถูกกระทำกริยา” เช่น

รูปที่ 2
Object
(กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ)

ตัวอย่าง

me

Jane studies in the same class as me.

us

Would you like to come with us?

you

I shall go to the temple with you.

him

Don’t tell him this story.

her

We shall tell her the truth.

It

This food is too spicy. I don’t like it.

them

I am going to see them tomorrow..

***ส่วนรูปที่ 3, รูปที่ 4 และ รูปที่ 5 ไม่จัดว่าเป็น Personal Pronoun แต่มีความสัมพันธ์กันตามหน้าที่ของ Pronoun ซึ่งจะยกตัวอย่างการใช้ ให้เห็นชดเจนขึ้น ดังนี้

รูปที่ 3 Possessive Adjective (แสดงความเป็นเจ้าของการใช้ Pronoun ในรูปที่ 3 นี้ ต้องมีนามตามหลังเสมอ เช่น

รูปที่ 3
Possessive Adjective
(แสดงความเป็นเจ้าของ)

ตัวอย่าง

my

My friend is taller than me.

our

That man is our teacher.

your

Your sister is very beautiful.

his

Joe cleans his car once a week.

her

Nan has been waiting for her friend for two hours.

its

My dog has got a long tail but its legs are shot.

their

Jane and Joe like their job very much.

รูปที่ 4  Possessive Pronoun  (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งสรรพนามในรูปที่ 4 นี้ ถึงแม้จะเป็นสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของเหมือนรูปที่ 3 ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่การใช้สรรพนามในรูปที่ 4 นี้้ ไม่ต้องมีนามตามหลัง เช่น

รูปที่  4
Prosessive Pronoun
(แสดงความเป็นเจ้าของ)

ตัวอย่าง

mine

That umbrella is mine.

ours

Their school bus is red but ours is blue.

yours

This is my book that is yours.

his

That house is his.

hers

My hair is longer than hers.

its

My dog never eats cat’s biscus unless its.

theirs

Our child is girl but theirs is boy.

รูปที่ 5  Reflexive Pronoun (สรรพนามตนเอง)

รูปที่  5
Reflexive Pronoun
        (สรรพนามตนเอง)

ตัวอย่าง

myself

I want to do this job by myself.

ourselves

We shall be confident in ourselves.

yourself

Don’t blame yourself you are not wrong.

himself

Joe learns English by himself.

herself

Jane always keeps herself away from people.

itself

That tree grows by itself I didn’t plant it.

themselves

They have to practice football themselves every day.

2.  Possessive Pronoun (สามีสรรพนาม) ในตารางรูปที่ 4
คือ สรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งก็คือบุรุษสรรพนามรูปที่  4  นั่นเอง  เวลาใช้ “ไม่ต้องมีนามตามหลัง  มีหน้าที่ 3 อย่างคือ

2.1     เป็นประธานของกิริยาในประโยค  เช่น
Your car is white ; mine is red.

2.2     เป็นส่วนสมบูรณ์ของกิริยา   เช่น 
This   seat  is  mine,  that  one  is  yours.

2.3     ใช้เรียงตาม Preposition (หลังบุรพบท หรือ คำเชื่อมเพื่อเน้นความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนขึ้นได้ เช่น 
A   friend  of  mine  won the lottery yesterday.    

3.  Definite Pronoun (นิยมสรรพนาม)  
คือสรรพนามที่ชี้เฉพาะ และใช้แทนนามได้  ที่นิยมใช้แพร่หลายมีอยู่ 6 ตัวคือ 
 this,   that,   one     --------------  ใช้แทนนามที่เป็นเอกพจน์.
 these,    those,  ones  ------------- ใช้แทนนามที่เป็นพหูพจน์.

*** นิยมสรรพนามนี้ ทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของกิริยาในประโยคได้ตามแต่ จะ ใช้งาน เช่น

-เป็นประธานของประโยค

That is my sister.
Those are your friends.

-เป็นกรรมของประโยค

I had done this before you came here.

4.   Indefinite pronoun (อนิยมสรรพนาม)
คือสรรพนามที่ใช้แทนนามได้ทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าแทนคนนั้นคนนี้โดยตรง  (ตรงข้ามกับ Definite Pronoun)  ได้แก่คำว่า  some,  any,  all,  someone,  somebody,  anybody,  few,  everyone,  many,  nobody,   everybody,  other เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น

Somebody is shouting.
Anybody can use this computer.

*ข้อสังเกต ทั้งนิยมสรรพนามและอนิยมสรรพนาม  ถ้าใช้โดยมีคำนามอื่นตามหลังจะกลายเป็นคำคุณศัพท์ไป  แต่ถ้าใช้โดยไม่มีคำนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นนิยมสรรพนามหรืออนิยมสรรพนาม

5. Interrogative pronoun (ปฤจฉาสรรพนาม)  คือสรรพนามที่ใช้เป็นคำถาม  และต้องไม่มีนามตามหลังด้วยจึงจะเรียกว่าเป็นปฤจฉาสรรพนาม ได้แก่    Who  ,  whom,  whose  ,  what,  which     ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้.

Who   (ใคร)   ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นประธานของกิริยาในประโยคได้ บางครั้งก็เป็นกรรมได้ เช่น  

Who  came here yesterday ? 
Who  allow you to come in this room ? 
Who  can speak French ? 

Whom  (ใคร)  ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นกรรมของกิริยาหรือบุรพบท  เช่น 

Whom  do  you  love?
Whom  did you meet yesterday?
Whom  was punished by the teacher?

*** ปัจจุบันนิยมใช้ who แทน whome

 Whose  (ของใคร)  ใช้ถามถึงเจ้าของ  และต้องเป็นบุคคลเท่านั้น เช่น
Whose  is  that car?  
Whose  is  this number? 
 Whose  are those dogs? 

What (อะไร)   ใช้ถามถึงสิ่งของเป็นได้ทั้งประธานและกรรม  เช่น
-  ถ้าเป็นประธานต้องไม่ใช้กริยาอะไรมาช่วยทั้งสิ้น เช่น
What  delayed  you ?  
-  ถ้าเป็นกรรมต้องมีกริยาช่วยตัวอื่นมาร่วมด้วย และวางไว้หลัง What เช่น 

What  do you want ?

Which  (สิ่งไหน อันไหน)  ใช้ถามถึงสัตว์สิ่งของเป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น  

-ถ้าเป็นประธานไม่ต้องใช้กริยาอื่นมาช่วย เช่น

 Which  is  yours between this one and that one? 

*** ปฤจฉาสรรพนาม Whose ,which, what นี้   ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังก็เป็นคุณศัพท์ไป    ถ้าไม่มีนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นปฤจฉาสรรพนาม

6. Relative  Pronoun   (ประพันธ์สรรพนาม)  
คือสรรพนามที่ใช้แทนที่อยู่ข้างหน้า และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยค ซึ่งอาจเป็นประธานของประโยคหลังได้ด้วย  ได้แก่ Who,  Whom,   Whose, Which,  Where,  what,  when, why,  that

Who  (ผู้ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้กระทำด้วย เช่น 
The  student  who  can speak English very well is my Linda.  

Whom  (ผู้ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นต้องเป็นผู้ถูกกระทำด้วย เช่น 
The  man  whom  I met yesterday is my husband.

Whose (ผู้ซึ่ง…..ของเขา)   ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของนามที่ตามหลัง ดังนั้นเมื่อมี Whose ก็ต้องมีนามตามหลังWhose เสมอ  เช่น 
The  boy whose  father  won the lottery yesterday is Joe.   

Which  (ที่,ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นสัตว์ สิ่งของ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม  
-เป็นประธานของประโยค เช่น
The  cat which  has  very long tail is mine. 

-เป็นกรรมของประโยค เช่น
The  subject  which  I don’t is maths.

 Where  (อันเป็นที่)  ใช้แทนนามที่เป็นสถานที่ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น 
-เป็นประธานของประโยค เช่น
Bangkok is the place where is the center of Thailand.  

-เป็นกรรมของประโยค เช่น
Bangkok is the place where I like to visit.

 What  (อะไรสิ่งที่)  ใช้แทนนามที่เป็นสิ่งของ นามที่ What ไปแทนทำหน้าที่เป็นประพันธ์สรรพนามนั้นไม่ต้องปรากฏให้เห็นอยู่ข้างหน้า
เหมือนประพันธ์สรรพนามตัวอื่น ทั้งนี้เพราะถูกละไว้ในฐานะที่เข้าใจแล้ว เช่น

I  don’t know  what  are you talking about.  

When  (เมื่อที่)  ใช้แทนนามที่เกี่ยวกับเวลา ,วัน,  เดือน,ปี  เช่น
In the end of March when I am going to London.  

Why  (ทำไมใช้แทนนามที่เป็นเหตุผล  (ส่วนมากใช้แทน reason ) เช่น 
This  is  the  reason  why  I don’t want you to marry him.
  
That  (ที่,ซึ่งใช้แทนคนสัตว์สิ่งของและสถานที่ได้ แต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ 4  ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่

1.   เป็นนามที่มีคุณสมบัติ ขั้นสูงสุด มาขยายอยู่ข้างหน้า เช่น 
England is the most beautiful country that  I   have  ever seen.

 2.  เป็นนามที่มี เลขลำดับที่  ( Ordinal Number) มาขยายอยู่ข้างหน้า  เช่น
 You are the first one that have to answer the questions.

3.  เป็นนามที่มี คุณศัพท์บอกปริมาณ มาขยายอยู่ข้างหน้า เช่น 
I have many things that I want to tell you.  

4.  เป็นสรรพนามผสมต่อไปนี้ตัวใดตัวหนึ่งปรากฏอยู่แล้ว คือ someone,  somebody,  something,  anyone,  anything,  anybody,  anyone,  everything,  no  one,  nothing,  etc.  เช่น   
There is nobody that can answer this question. 

 7.  Reflexive   Pronoun   (สรรพนามสะท้อนหรือเน้น)
ได้แก่บุรุษสรรพนามรูปที่ 5  นั่นเอง  ได้แก่  
 myself,  yourself, ourselves, themselves, himself, herself, itself

หลักการใช้ 

1. เรียงไว้หลังกริยา เมื่อบอกว่าผลการกระทำนั้นเกิดจากประธานเป็นผู้กระทำเอง เช่น 
   
He always blame himself whenever he does a mistake.

2. เรียงไว้หลังกรรม  เมื่อต้องการเน้นกรรมนั้นเช่น  

I   spoke   to  the  President   himself .

3. เรียงไว้หลังบุรพบท  by  
เมื่อต้องการแสดงว่าประธานผู้นั้นกระทำกิจนั้นโดยลำพังคนเดียว เช่น  

I learn English by myself every day.
       
8.  Distributive   Pronoun    (วิภาคสรรพนาม)   
คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามในการแบ่งหรือจำแนกออกเป็นครึ่งหนึ่งสิ่งหนึ่งหรือตัวหนึ่ง
 วิภาคสรรพนามที่นิยมใช้กันมากคือ

each   (แต่ละ),  either   (คนใดคนหนึ่ง,สิ่งใดสิ่งหนึ่ง),   neither  (ไม่ใช่ทั้งสองเช่น
There are ten girls in my class each has got long hair.
ในห้องเรียนของฉันมีเด็กผู้หญิง 10 คน แต่ละคนมีผมยาว
***   ข้อสังเกต   วิภาคสรรพนามถ้าใช้ลอยๆเป็นสรรพนาม  แต่ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังจะเป็นคุณศัพท์





No comments :